Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันอังคาร (27 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะดีดตัวขึ้นแตะที่ระดับ 4.5% ภายในสิ้นปี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (27 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) รวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ถึงแม้จะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะดีดตัวขึ้นแตะที่ระดับ 4.5% ภายในสิ้นปี
Dow Jones -0.43%
S&P500 -0.21%
Nasdaq +0.25%
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลง 2.75%, หุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 2.56%, หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ลดลง 1.34% และหุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 3.45%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี ดิ่งลง 2.82%, หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.5% และหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 1.06%
สวนทางกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่มีการปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 28.8% สู่ระดับ 685,000 ยูนิตในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 500,000 ยูนิต แต่เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 0.1% ในเดือน ส.ค.
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันอังคาร (27 ก.ย.) ถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสาธารณูปโภคถ่วงตลาดลง
CAC-40 -0.13%
Stoxx Europe 600 -0.27%
DAX -0.72%
FTSE 100 -0.52%
ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงมากที่สุด และได้บดบังการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเฮลท์แคร์
