มีความเป็นไปได้ว่า ชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ จะขยายขอบเขตการคว่ำบาตรทางการเงินที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ระบบ SWIFT และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังจับตามอง คือ ตลาดคริปโตฯ โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งชาติตะวันตกหวังว่า จะกำราบรัสเซียให้ดิ้นไม่หลุดทุกทางผ่านการ คว่ำบาตร Bitcoin
ความเป็นไปได้ที่จะสั่งห้าม หรือขัดขวางไม่ให้รัสเซียเข้าถึงตลาดคริปโตฯ มีขึ้นหลังจากที่การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรได้ฉุดค่าเงินรูเบิลให้ร่วงหนัก บีบให้ชาวรัสเซียส่วนใหญ่หันหน้าพึ่งพาสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin โดยปริมาณการซื้อขายคริปโตฯ ในสกุลเงินรูเบิลเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลังชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่ปริมาณการถือครอง Bitcoin ในรัสเซีย หรือแม้กระทั่งในยูเครนก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
จากการวิเคราะห์ การแบนไม่ให้รัสเซียเข้าถึง Bitcoin ได้อาจส่งผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากตลาดคริปโตฯ ยังมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศรัสเซีย อีกทั้ง การซื้อขายคริปโตฯ สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนดอลลาร์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง แต่มูลค่าการค้าด้วยเงินสกุลรูเบิลแตะระดับล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น ต่อให้ไม่มีมาตรการคว่ำบาตรออกมา Bitcoin ก็ไม่เพียงพอที่จะรองรับเศรษฐกิจทั้งหมดของรัสเซียไว้ได้ และที่สำคัญการใช้คริปโตฯ ยังมีปัญหาในเรื่องของความปลอดภัยและความเชื่อมโยงกับอาชญากรรมเข้ามาด้วย
นอกจากนี้ ยูเครนก็ใช้ประโยชน์จากคริปโตฯ เช่นกัน โดยรัฐบาลในยูเครนขอระดมทุนเพื่อใช้เป็นทุนต่อสู้กับกองทัพรัสเซียเป็นคริปโตฯ นำโดย Bitcoin และ Ethereum ล่าสุดได้เพิ่ม Dogecoin เข้าไปด้วย ทำให้ตอนนี้ยูเครนเปิดรับบริจาคคริปโตฯ ครอบคลุมกว่า 35,000 สกุล และระดมทุนได้ถึง 35 ล้านดอลลาร์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางรัสเซียเองก็ยังมีการเดินหน้าพัฒนาระบบ เพื่อออกสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง เช่นเดียวกับของจีน ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า หากรัสเซียพัฒนาดิจิทัลรูเบิลได้สำเร็จ ก็จะช่วยลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ และเป็นวิธีที่จะดิ้นจากการคว่ำบาตรในครั้งนี้
Source: CNBC
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker
