BYD ม้ามืดธุรกิจ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อันดับ 3 ของโลก

Table of Contents
BYD ม้ามืดธุรกิจ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อันดับ 3 ของโลก

‘BYD’ รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ม้ามืดรองจาก Tesla

หากพูดถึง ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ หลายคนคงนึกถึง Tesla บริษัทยักษ์ใหญ่ทางฝั่งสหรัฐฯ เป็นอันดับแรก แต่ทราบหรือไม่ว่า ในประเทศจีนมีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 10 บริษัท และปัจจุบันมีมูลค่าการตลาดของ EV สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งบริษัทที่กำลังมาแรงมากที่สุดในตอนนี้ คือ ‘BYD’ ที่มียอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า Tesla ในช่วงครึ่งปี 2022 ที่ผ่านมา หรืออาจเป็นไปได้ว่า ห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

BYD

ทำความรู้จัก BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน

BYD ย่อมาจาก Build Your Dream ก่อตั้งเมื่อปี 1995 โดยหวัง ชวนฟู ซึ่งในตอนแรกบริษัททำธุรกิจผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์ และต่อมาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นซัปพลายเออร์ผลิตแบตเตอรี่ให้กับ NOKIA เป็นเจ้าแรกในจีน ทำให้ BYD กลายเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่มือถืออันดับ 2 ของโลก และครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ในจีน ด้วยเวลาเพียงไม่กี่ปี

จากนั้นในปี 2002 ทางบริษัท BYD ได้เข้าซื้อบริษัทรถยนต์ Tsinchuan Automobile มาเป็นบริษัทลูก แล้วทำการเปลี่ยนชื่อเป็น “BYD Auto” ซึ่งในตอนแรกทางบริษัทยังผลิตและจำหน่ายรถยนต์น้ำมันอยู่ แต่ค่อย ๆ ต่อยอดธุรกิจและพัฒนามาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2008 โดยบริษัทสามารถผลิตรถพลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คันแรกของโลกได้สำเร็จ ที่ชื่อว่า “BYD Auto’s F3DM PHEV-60 Hatchback” สอดคล้องกับที่รัฐบาลจีนออกนโยบายผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ BYD ไดรับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก และเข้าตาชาร์ลี มังเกอร์ จากนั้นจึงได้ชวนวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนอันดับ 1 ของโลก เข้ามาร่วมซื้อหุ้นของบริษัทด้วย โดยคิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมด

“ปัจจุบัน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้รับผลตอบแทนจากหุ้น BYD ถึง 44 เด้ง หรือประมาณ 4,000 เท่า ภายในเวลาเพียง 14 ปี

BYD

ทำไม BYD ถึงเป็นม้ามืดในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า Tesla ?

BYD ถือเป็นหุ้นมหัศจรรย์ที่แต่ก่อนนั้น ไม่มีคนให้ความสนใจ เนื่องจากพึ่งมาเด่นในช่วงหลัง ๆ และภาพลักษณ์ของรถยนต์สัญชาติจีนสายตาคนตะวันตกถือว่าไม่ค่อยดีนัก แต่จุดเด่นของบริษัทหลัก ๆ มาจากความเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารหรือ CEO หากย้อนกลับไปหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วบัฟเฟตต์ไม่ได้ต้องการซื้อหุ้นเพียง 10% เท่านั้น แต่เขาต้องการซื้อหุ้นจำนวน 25% หรือ 1 ใน 4 ของบริษัท ซึ่งทาง CEO ออกตัวว่า จะไม่ขายเด็ดขาด บ่งบอกถึง “การไม่ยอมขายบริษัทตนเอง” หากเปรียบเทียบกับ Start-Up บริษัทอื่น ๆ คงยอมขายหุ้นให้กับนักลงทุนระดับโลกไปแล้ว แสดงว่า ทาง CEO จะต้องมั่นใจในตัวบริษัทของตนเองมากว่า จะสามารถเติบโตในอนาคตได้อีกไกล และจำนวนการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้พิสูจน์ด้วยตัวของมันเองแล้ว

  • ในปี 2020 บริษัทส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 189,689 คัน
  • ในปี 2021 บริษัทส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 603,782 คัน
  • ในครึ่งแรกของปี 2022 บริษัทส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 641,350 คัน (แซงหน้า Tesla)

อีกทั้ง บริษัทยังมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และตั้งปณิธานว่า จะเป็นบริษัทยานยนต์อันดับ 1 ของโลกให้ได้ ซึ่งในปัจจุบันมูลค่าทางการตลาดตามหลังแค่ Tesla และ Toyota เท่านั้น หากดูการตลาดในเชิงลึกจะพบว่า โครงสร้างบริษัทมีความคล้ายคลึงกับ Tesla ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันว่าจะไม่มีการผลิตรถสันดาป พร้อมทั้งมีโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าหลายประเภท รวมถึงรถสาธารณะ ซึ่ง Tesla ยังไม่มีแนวโน้มจะทำขึ้นในเร็ว ๆ นี้ สะท้อนถึงสัญญาณการเติบโตและโอกาสที่ดีในอนาคต เช่นเดียวกับรถบรรทุกไฟฟ้าที่มีการใช้งานมากในตะวันตก โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากมีสำนักงานและโรงงานตั้งอยู่

BYD

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทางบริษัทยังไม่สามารถตีตลาดในสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากมีเจ้าใหญ่อย่าง Tesla อยู่แล้ว รวมไปถึงราคาน้ำมันในสหรัฐฯ ยังค่อนข้างถูก จึงเปิดรับรถยนต์ไฟฟ้าน้อยกว่ายุโรปหรืออินเดีย และยังมีประเด็นเกี่ยวกับนโยบายกีดกันการค้าของรัฐบาลอีกด้วย แต่หาก BYD สามารถทลายกำแพงเหล่านี้ได้ Tesla คงต้องปฏิวัติแผนการตลาดครั้งใหญ่

นอกจากนี้ อีกด้านที่เป็นจุดเด่นสำคัญของ BYD คือ การเป็นเจ้าแห่งแบตเตอรี่ เนื่องจากเมื่อก่อนบริษัทเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจการผลิตแบตเตอรี่ ทำให้สะสมประสบการณ์มานาน สะท้อนไปถึงความได้เปรียบสูงสำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา บริษัทในผลิตแบตเตอรี่ Blade Battery ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย โดยจะใช้ความร้อนต่ำและเก็บพลังงานได้สูง ที่สำคัญต้นทุนการผลิตต่ำกว่าแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าอื่น ๆ

สำหรับการตีตลาดในไทย ล่าสุด BYD ซื้อที่ดิน 600 ไร่ จาก WHA เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ที่น่าสนใจ คือ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา โดยจะเริ่มปีผลิตในปี 2567 จำนวน 150,000 คัน/ปี

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ BYD เท่านั้น เนื่องจากต้องยอมรับว่า ในสายตาคนทั่วไป BYD ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก หากใครยังไม่ได้ศึกษาลงลึกจริง ๆ ก็คงยังไม่ทราบถึงข้อดีและข้อได้เปรียบต่าง ๆ คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ทางบริษัทจะมีลูกเล่นอะไรออกมา เพื่อดึงดูดลูกค้าและนักลงทุนในอนาคตต่อไป


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense
Top Forex Brokers
IUX
Rated 5 out of 5
GO Markets
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5
IUX
Rated 5 out of 5
FXGT.com
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5