ทำความรู้จักสินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร? อ่านจบเริ่มลงทุนได้เลย!

Table of Contents
สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร

สินค้าโภคภัณฑ์ ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นตัวชี้วัดสภาพเศรษฐกิจของแต่ละประเทศได้ในระดับหนึ่งและนักลงทุนบางท่านก็เลือกที่จะลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง วันนี้พี่โบ้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักและไขข้อสงสัยว่า สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ? ทำไมจึงต้องลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะต้องเจอในการลงทุน

สินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ?

สินค้าโภคภัณฑ์ คือ วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าและบริการอื่น ๆ มีลักษณะที่สามารถจับต้องได้ โดยสินค้าโภคภัณฑ์จะมีการกำหนดมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งโลก ทำให้มีคุณสมบัติในการซื้อขายและสามารถใช้ทดแทนกันได้

ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์

ประเภทของสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

Hard Commodities 

Hard Commodities 

Hard Commodities คือ สินค้าที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ทำให้สินค้าประเภทนี้จัดเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปไม่สามารถทดแทนได้ เช่น ทองคำ ทองแดง น้ำมันดิบ เป็นต้น

Soft Commodities 

Soft Commodities

Soft Commodities คือ สินค้าที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นมาเองอาจจะมาจากการเพาะปลูกหรือดูแลก็ได้ สินค้าประเภทนี้จึงมักมีราคาที่ผันผวนได้ง่ายเนื่องจากปัจจัยภายนอกหลายประการและมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัด เช่น ข้าวสาลี โกโก้ เนื้อสัตว์ เป็นต้น

*หมายเหตุ : สินค้าโภคภัณฑ์ยังสามารถแบ่งประเภทได้อีกหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานและหลักเกณฑ์อื่น ๆ 

สินค้าโภคภัณฑ์ 5 กลุ่มมีอะไรบ้าง ?

สินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งกลุ่มได้ 5 กลุ่มหลัก ๆ ตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

กลุ่มตัวอย่าง
พลังงาน (Energy)สินค้าที่สามารถนำมาแปรรูปต่อให้เป็นสินค้าที่ให้พลังงานได้ เช่น ถ่านหิน น้ำมันดิบ พลังงานลม
โลหะอุตสาหกรรม (Industrial Metals)โลหะที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ทองแดง ตะกั่ว เหล็ก
โลหะมีค่า (Precious Metals)โลหะที่มีมูลค่าสูงกว่าโลหะกลุ่มทั่วไปนิยมนำไปทำเครื่องประดับ เช่น ทอง เงิน แพลทินัม
สินค้าเกษตร (Agricultural)ผลผลิตที่ได้จากการเกษตร พืช สัตว์ เช่น ผลไม้ต่าง ๆ ถั่ว ข้าว
สินค้าปศุสัตว์ (Livestock)สัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเพื่อนำมาใช้เป็นอาหารหรือเพื่อแปรรูป เช่น ปลา หมู ไก่

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นสามารถผันผวนได้ง่ายและขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ 

1.อุปสงค์และอุปทาน

ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์จะขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาดนั้น ๆ เช่น หากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานลดลงจะทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางกลับกันหากอุปสงค์น้อยลงแต่อุปทานเพิ่มขึ้นราคาสินค้าจะลดลง

2.ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

 ภาวะเศรษฐกิจมักส่งผลกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ นโยบายของรัฐบาล เป็นต้น

3.ปัจจัยทางสงคราม

สงครามและความขัดแย้งมีผลต่อการผลิตและการขนส่งของสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทได้ เช่น สงครามในรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมัน ธัญพืช และปุ๋ยเคมีปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและประเทศที่เกิดสงครามด้วย

4.ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรโดยการเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ของนักลงทุน ปริมาณการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อราคาที่มากเกินกว่าปกติได้ครับ

ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์ถึงน่าลงทุน

ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์ถึงน่าลงทุน
  • โอกาสในการทำกำไร 

ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานเมื่อปัจจัยเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นก็ส่งผลให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

  • ป้องกันเงินเฟ้อ

เมื่อภาวะเงินเฟ้อสูงมูลค่าของเงินจะต่ำลง แต่สินค้าต่าง ๆ จะแพงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่นำมาใช้ผลิตสินค้านั้นก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย กล่าวคือสินค้าโภคภัณฑ์จะมีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับเงินเฟ้อ

  • กระจายความเสี่ยง 

สินค้าโภคภัณฑ์มีความสัมพันธ์ที่ผกผันกันกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ ทำให้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้ดี อีกทั้ง ยังช่วยลดความเสี่ยงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจได้ เช่น บางครั้งราคาหุ้นก็เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกันกับสินค้าโภคภัณฑ์

ความเสี่ยงของการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง : สินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทมีสภาพคล่องที่ค่อนข้างต่ำทำให้ยากต่อการซื้อขาย

ความเสี่ยงด้านความผันผวน : ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ ทำให้ราคาสามารถผันผวนได้อย่างรวดเร็ว

ความเสี่ยงด้านการจัดเก็บ : การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรงจะมีความเสี่ยงด้านการเก็บรักษาและการคงสภาพ แต่ก็สามารถป้องกันได้โดยการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเก็บรักษา หรือเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางอ้อมแทน

ความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล : การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลก็สามารถส่งผลต่อราคาและตลาดของสินค้าโภคภัณฑ์ได้ เช่น การเสียภาษีเพาะปลูก การกำหนดข้อจำกัดด้านการผลิต หรือแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของค่าเงิน

วิธีลดความเสี่ยงในการลงทุนกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

  • เลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีสภาพคล่องสูง ง่ายต่อการซื้อขาย ราคาไม่ผันผวนมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็สามารถคงมูลค่าไว้ได้ในช่วงวิกฤต 
  • เลือกช่องทางการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง
  • วิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคและแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
  • วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
  • ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์

การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้น สามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในส่วนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูงในระยะสั้น อีกทั้ง ราคายังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายประการ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องศึกษาปัจจัยต่าง ๆ และหมั่นติดตามข้อมูลข่าวสารให้ดี รวมถึงบริหารความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการกำหนดสัดส่วนในการลงทุน และกำหนดจุด Take Profit / Stop Loss หรือตั้ง Risk Reward Ratio

3 ช่องทางการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์

ในปัจจุบันสินค้าโภคภัณฑ์สามารถแบ่งช่องทางการลงทุนได้ 3 ช่องทาง ดังต่อไปนี้

ลงทุนทางตรง 

ลงทุนทางตรง คือ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ๆ โดยตรง ซึ่งอาจจะเป็นการซื้อมาเก็บไว้เองและทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของราคาในอนาคต เช่น ซื้อข้าวเปลือกมาเก็บไว้และทำการขายเมื่อราคาสูงขึ้น แต่การลงทุนในรูปแบบนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

📌 ข้อดี

นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้

📌 ข้อเสีย

มีต้นทุนในการเก็บรักษาและความเสี่ยงในการคงสภาพสินค้า อีกทั้งต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการลงทุน และมีสภาพคล่องค่อนข้างน้อย

ลงทุนทางอ้อม 

ลงทุนทางอ้อม คือ การลงทุนในบริษัทที่ดำเนินกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งการลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรือแม้แต่ ETF ที่มีการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์เอง

📌 ข้อดี

สภาพคล่องสูง กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการลงทุนทางตรง ใช้เงินลงทุนน้อย มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลกองทุนให้ในกรณีที่ลงทุนใน ETF หรือกองทุน

📌 ข้อเสีย

มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายเพิ่มเติมแต่จะไม่สามารถจัดการพอร์ตได้ด้วยตัวเอง

ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Commodities Futures) 

ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Commodities Futures) คือ การลงทุนผ่านการถือครองตราสารอนุพันธ์หรือหน่วยลงทุนแบบ CFD การลงทุนประเภทนี้จะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคา

📌 ข้อดี

ป้องกันความเสี่ยงของการผันผวนของราคาได้และสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น – ขาลง ใช้เงินลงทุนน้อยมาก มีค่าธรรมเนียมไม่สูงมากและนักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่าย

📌 ข้อเสีย

มีความเสี่ยงในเรื่องของการเลือกใช้ Leverage 

โบรกเกอร์ CFD ที่สามารถซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ได้

โบรกเกอร์ CFDHard CommoditySoft Commodityรีวิวโบรกเกอร์
IUXอ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม
IC Marketsอ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม
HFMอ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม
Pepperstoneอ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติม
นักลงทุนโปรดศึกษาเงื่อนไข คุณสมบัติ ตลอดจนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก่อนใช้บริการ

📌*หมายเหตุ : การลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ นั้น เหมาะกับนักลงทุนที่มีเทคนิคการลงทุนที่แตกต่างกันไป ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและแผนการลงทุนของตนเองก่อนเลือกตัดสินใจลงทุนครับ 📢

5 อันดับสินค้าโภคภัณฑ์ที่คนนิยมลงทุนในปัจจุบัน

น้ำมันดิบ (ฺCrude Oil)

น้ำมันดิบถือเป็นสินค้าที่ผู้คนต้องการอย่างมากและถือเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ถูกใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การผลิตไฟฟ้า การขนส่ง เป็นต้น

ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)

ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้งานได้โดยตรงและถือเป็นอีกแหล่งพลังงานสำคัญที่มีความต้องการสูง

ทองคำ (Glod)

ทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนนิยมลงทุนในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจมีความผันผวน อีกทั้งทองคำยังมีสภาพคล่องที่สูงมากและสามารถรักษามูลค่าไว้ได้ในช่วงวิกฤต

เงิน (Silver)

เงินถือเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวกับทองคำและยังถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย เช่น เป็นส่วนประกอบในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ 

ทองแดง (Copper)

ทองแดงถือเป็นโลหะที่มีความต้องการในอุตสาหกรรมสูงมาก กล่าวคือเมื่ออุตสาหกรรมเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ทองแดงก็จะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

แนวโน้มการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงปีที่ผ่านมา

แนวโน้มของการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในปีที่ผ่านมา ยังมีความผันผวนในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยภายนอก แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรกร เช่น น้ำตาล ปาล์ม ถั่วเหลือง จึงมีแนวโน้มปรับตัวลง แต่ในส่วนราคาของข้าวสาลีและข้าวโพด คาดการณ์ว่าจะปรับราคาขึ้นเนื่องจากการผลิตที่ยังคงลดลงในรัสเซีย ในส่วนสินค้ากลุ่มโลหะคาดว่าจะมีการปรับราคาขึ้นภายในไตรมาสที่ 2 ของปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซัน (High Season) ของภาคอุตสาหกรรมการส่งออกครับ

*หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงปี 2567

หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์แบ่งออกได้ตามประเภทของการดำเนินธุรกิจ ดังต่อไปนี้

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

หุ้นกลุ่มพลังงาน (Energy)

หุ้น PTT เป็นของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อย

ข้อมูลสำคัญของหุ้น PTT

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 971,141.87 ล้านบาท 
  • P/E : 8.67 
  • อัตราผลตอบแทน : 5.88 %
  • เงินปันผลล่าสุด : 1.20 บาท / หุ้น 
  • รายได้รวม : 3,185,256.08 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ : 112,023.88 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิ : 4.87 %

บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

หุ้นกลุ่มโลหะ (Metals)

หุ้น TSTH เป็นของ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กเส้น เหล็กลวด และเหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ข้อมูลสำคัญของหุ้น TSTH

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 6,400.37 ล้านบาท 
  • P/E : 66.52 
  • อัตราผลตอบแทน : 5.88 %
  • เงินปันผลล่าสุด : 1.20 บาท / หุ้น 
  • รายได้รวม : 25,040.67 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ : 96.22 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิ : 0.38 %

บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน)

หุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร (Agriculture)

หุ้น TWPC เป็นของ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการ ผลิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์แป้งและที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

ข้อมูลสำคัญของหุ้น TWPC

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 3,363.21 ล้านบาท 
  • P/E : 119.84
  • อัตราผลตอบแทน : 2.38 %
  • เงินปันผลล่าสุด : 0.09 บาท / หุ้น 
  • รายได้รวม : 2,665.98 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ : 65.89 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิ : 2.69 %

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) 

หุ้นกลุ่มปศุสัตว์ (Livestock)

หุ้น CPF เป็นของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่จำแนกธุรกิจหลักตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ ออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ธุรกิจอาหารสัตว์  2. ธุรกิจเลี้ยงสัตว์-แปรรูป  3. ธุรกิจอาหาร

ข้อมูลสำคัญของหุ้น CPF

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 185,098.51 ล้านบาท 
  • P/E : –
  • อัตราผลตอบแทน :  –
  • เงินปันผลล่าสุด : 0.35 บาท / หุ้น 
  • รายได้รวม : 141,102.21 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ : 1,152.03 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิ : 1.10 %

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) 

หุ้นกลุ่มเคมี (Chemicals)

หุ้น IVL เป็นของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) – ประกอบกิจการด้านการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่ดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ข้อมูลสำคัญของหุ้น IVL

  • มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด : 138,117.98 ล้านบาท 
  • P/E : –
  • อัตราผลตอบแทน : 3.76 %
  • เงินปันผลล่าสุด : 0.18 บาท / หุ้น 
  • รายได้รวม : 137,627.34 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ : 1,133.00 ล้านบาท
  • อัตรากำไรสุทธิ : 0.74 %

การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สามารถทำได้กี่ช่องทาง ?

สามารถทำได้ 3 ช่องทาง คือ การลงทุนทางตรง การลงทุนทางอ้อม และการลงทุนในสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า (Commodities Futures)

สินค้าโภคภัณฑ์สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ไหม ?

สามารถป้องกันได้ เนื่องจาก สินค้าโภคภัณฑ์จะมีมูลค่าเพิ่มสูงมากขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับเงินเฟ้อ

การลงทุนในกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร ?

การลงทุนในกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ คือ การลงทุนในกองทุนที่นำเงินไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ

จากที่พี่โบ้กล่าวมาถึงแม้สินค้าโภคภัณฑ์จะสร้างผลตอบแทนที่สูงซึ่งถือเป็นข้อดี แต่ก็มีความผันผวนที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้ง่ายภายในระยะเวลาอันสั้นครับ ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ที่อาจจะไม่ได้มาจากแค่ปัจจัยภายนอกก่อนเริ่มลงทุน


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense
Top Forex Brokers
IUX
Rated 5 out of 5
GO Markets
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5
IUX
Rated 5 out of 5
FXGT.com
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5