ETF คืออะไร ? สุดยอดการรวมข้อดีของหุ้นและกองทุนเข้าด้วยกัน

Table of Contents
ETF

ETF เป็นเหมือนการรวมทั้งข้อดีของหุ้นและกองทุนเข้าด้วยกัน หากใครชอบการซื้อขายแบบเรียลไทม์อย่างหุ้น และต้องการกระจายความเสี่ยงแบบกองทุน ETF ถือว่าตอบโจทย์ค่อนข้างมาก แต่ ETF จะเป็นการซื้อขายแบบดัชนี ซึ่งนักลงทุนอาจต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน สำหรับบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ ETF เพื่อความเข้าใจมากขึ้น และนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน

ETF คืออะไร?

ETF หรือ Exchange Traded Fund นับเป็นกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ชนิดหนึ่ง ที่ลงทุนตามดัชนีต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ โดยต้องการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีมากที่สุด ที่สำคัญสามารถซื้อชายแบบเรียลไทม์เหมือนกับหุ้น

E – Exchange ถ้าแปลตรงตัว คือ การแลกเปลี่ยน แต่ในที่นี้จะหมายถึง การนำหน่วยลงทุนไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพท์ หรือตลาดรอง

T – Traded คือ การที่เราสามารถทำการซื้อ – ขายสินทรัพย์ประเภทนี้ได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ เหมือนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยสามารถซื้อ-ขายแบบเรียลไทม์อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น

F – Fund คือ การที่สินทรัพย์ประเภทนี้เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง ที่เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลาย

ETF

ประเภทของ ETF

ETF จะมีทั้งหมด 4 ประเภทหลัก ๆ โดยแบ่งตามการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ดังนี้

Equlity

จะเป็นการลงทุนประเภทที่มุ่งสร้างผลตอบแทนแบบอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ

Foreign

มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงตามดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ หรือหุ้นกลุ่มต่างประเทศ

Gold

จะเน้นในการสร้างผลตอบแทนจากดัชนีราคาทองคำ

Bond

จะเน้นการสร้างผลตอบแทนอ้างอิงตามราคาตราสารหนี้

ETF มีความแตกต่างจากกองทุนประเภทอื่นอย่างไร?

ETF มีความแตกต่างจากกองทุนรวมอื่น ๆ โดยเป็นการถือกำเนิดโดยการผสมผสานข้อดีของหุ้น และกองทุนรวมแบบเดิม ทำให้มีความน่าสนใจ และซื้อ-ขายได้สะดวกมากกว่า เนื่องจากกองทุนรวมแบบเดิม ๆ มักจะมีการซื้อ-ขาย ค่อนข้างช้า ต้องรอราคา NAV ณ สิ้นวัน ส่วนหุ้นก็เป็นการลงทุนแบบรายตัวหรือรายบริษัท ทำให้ต้องใช้ต้นทุนเยอะ อีกทั้ง ยังไม่กระจายความเสี่ยงอีกด้วย

ETF

ข้อดีของ ETF

  • ETF มีผู้ดูแลสภาพคล่อง ขณะที่กองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุน ส่วนหุ้นไม่มี
  • ETF เป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนต่ำ ทำให้เราสามารถกระจายความเสี่ยงได้หลากหลายเช่นเดียวกับกองทุนรวม ขณะที่หุ้นไม่มีการกระจายความเสี่ยง
  • ETF สามารถซื้อ-ขายได้ในเรียลไทม์เช่นเดียวกับหุ้น ขณะที่กองทุนรวมต้องรอราคา NAV ณ สิ้นวัน
  • ETF ได้ผลตอบแทนตามดัชนีเช่นเดียวกับกองทุนรวม หุ้นเป็นแบบรายตัว
  • ETF ค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนรวม
  • ETF มีความโปร่งใสในการลงทุน เนื่องจากจะมีการแจ้งสัดส่วนในการลงทุนที่ชัดเจน

ผลตอบแทน

ในส่วนของผลตอบแทน แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้

เงินปันผล (Dividend)

ตามนโยบายของกองทุนรวมแต่ละประเภท ซึ่งบางกองก็ไม่ให้เงินปันผล ดังนั้น อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ

กำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain)

โดยปกติแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมแต่ละประเภท มักจะเป็นการลงทุนระยะยาว อาจจะ 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี หรือมากกว่านั้น ทำให้ส่วนต่างของราคา ณ ตอนเข้าซื้อกับราคาตอนที่จะขาย มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ดังนั้น นักลงทุนที่ยิ่งถือนานก็จะยิ่งได้กำไรจากส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม การลงทุน ETF ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนนิยมกัน เนื่องจากสามารถลงทุนได้แบบเรียลไทม์ และยังมีความเสี่ยงต่ำ ที่สำคัญสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี โดยใช้ต้นทุนที่น้อยกว่าการซื้อหุ้นรายตัว หากใครสนใจอย่าลืมที่จะศึกษารายละเอียดยิบย่อยเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ


Source: Investopedia

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้

อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense
Top Forex Brokers
IUX
Rated 5 out of 5
GO Markets
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5
IUX
Rated 5 out of 5
FXGT.com
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5