คู่มือ Swing Trading เทคนิคทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคา!

Table of Contents
Swing Trading คืออะไร

ทำความรู้จักกลยุทธ์ Swing Trading กลยุทธ์ยอดนิยมที่เหล่าเทรดเดอร์เลือกใช้ในการเทรด เพราะมีจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างการเทรดระยะสั้นและระยะยาว การประสบความสำเร็จใน Swing Trading ต้องอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก ร่วมกับการบริหารเงินทุนที่ดี เพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการถือครองสถานะ

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น

Swing Trading คือ การเทรดที่ใช้เวลาตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยะกลาง อาจเป็นการถือครองออเดอร์ไว้หลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เทรดเดอร์ถนัด การเทรดประเภทนี้ทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในตลาด Forex ผ่านการนำเทคนิคการวิเคราะห์เข้ามาช่วยในการมองหาโอกาสทำกำไรและบางครั้งก็ผสมผสานกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานร่วมด้วย โดยการเทรดประเภทนี้จะมี 2 จุดที่คุณต้องทำความเข้าใจ คือ Swing High และ Swing Low ครับ

จุด Swing High และจุด Swing Low มีความสำคัญอย่างมากในการเทรดแบบ Swing Trading เพราะทั้ง 2 จุดนี้ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุแนวโน้มของตลาดได้ โดยทั้ง 2 จุด มีความหมาย ดังนี้

  • Swing High

คือ จุดสูงสุดบนกราฟราคาที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อดูบนกราฟ Swing High จะเห็นเป็นจุดยอดที่มีแท่งเทียนด้านซ้ายและขวาต่ำกว่าจุดนั้น

  • Swing Low

คือ จุดต่ำสุดบนกราฟราคาที่เกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนไหวของราคา เมื่อดูบนกราฟ Swing Low จะมีลักษณะคล้ายหุบเขา คือ มีแท่งเทียนด้านซ้ายและขวาสูงกว่าจุดนั้น

. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .

คุณสามารถหาจุด Swing High และ Swing Low ให้แม่นยำมากยิ่งขึ้นได้ผ่านกฎ 3 แท่งครับ ซึ่งกฎดังกล่าวจะช่วยให้คุณหาจุด Swing ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวิธีดังกล่าวสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

วิธีหาจุด Swing

ขั้นตอนแรกของการหาจุด Swing High และ Swing Low คือ คุณต้องมองแท่งเทียนให้เป็นชุด ชุดละ 3 แท่งตามภาพ

การหาจุด Swing High ของ Swing Trading

วิธีการหา Swing High นั้น ไม่ยากแบบที่หลายคนคิดครับ ก่อนอื่นอยากให้มองแท่งเทียนเป็น 3 แท่ง จากนั้นทำความเข้าใจรูปแบบของ Swing High คือ ให้สังเกตแท่งเทียนที่อยู่ตรงกลางที่จะสูงกว่าแท่งเทียนทั้งสองแท่งเสมอ จุดนั้นแหละครับเรียกว่า Swing High

การหาจุด Swing Low ในเทคนิค Swing Trading

การหาจุด Swing Low ก็มีหลักการแบบเดียวกันครับ คือ แท่งเทียนตรงกลางจะต่ำกว่าแท่งเทียนทั้งสองข้าง และจุดนั้นจะเรียกว่า จุด Swing Low

เห็นไหมครับว่า การระบุจุด Swing High และ Swing Low นั้น ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด เพียงแต่พี่โบ้อยากให้สังเกตกฎ 3 แท่งที่บอกไปให้ดี เพราะมันจะมีประโยชน์ต่อคุณแน่นอนครับ!

พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สาย Swing Trader ควรรู้มีอยู่ด้วยกัน 5 พื้นฐาน ดังนี้

1. การสังเกตแนวโน้ม

การระบุแนวโน้มของราคา (แนวโน้มขาขึ้น, แนวโน้มขาลง หรือ Sideways) รวมถึงการสังเกต Higher High/Higher Low ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Lower High/Lower Low ในแนวโน้มขาลง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจหาจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อหรือขาย

2. แนวรับและแนวต้าน

แนวรับแนวต้านเป็นจุดสำคัญที่เทรดเดอร์ต้องใช้ระบุจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม เช่น มักใช้แนวรับเป็นจุดเข้าซื้อในแนวโน้มขาขึ้น และใช้แนวต้านเป็นจุดเข้าขายในแนวโน้มขาลง

3. รูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา

การเข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา หรือ Price Pattern เป็นเครื่องมือที่ช่วยคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะรูปแบบของกราฟราคาเป็นตัวบ่งชี้ทางจิตวิทยาตลาดที่สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้เทรดในตลาด และพฤติกรรมเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นซ้ำในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน

4. ทำความเข้าใจรูปแบบของแท่งเทียน

การวิเคราะห์รูปแบบของแท่งเทียนจะช่วยระบุจุดเข้าเทรดที่มีโอกาสทำกำไรสูง อีกทั้ง แท่งเทียนยังช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตั้งจุด Stop Loss ได้อย่างแม่นยำและเหมาะสมอีกด้วยครับ

5. ตัวชี้วัดทางเทคนิคหรืออินดิเคเตอร์

อินดิเคเตอร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยยืนยันการตัดสินใจจากการวิเคราะห์ราคาและความเคลื่อนไหวของตลาด รวมถึงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ระบุจุดเปลี่ยนที่มีโอกาสทำกำไรสูง โดยอินดิเคเตอร์ที่เทรดเดอร์นิยมใช้ในการเทรดแบบ Swing Trading มีดังนี้

  • ตัวชี้วัดแนวโน้ม: Moving Averages, MACD และ ADX
  • ตัวชี้วัดโมเมนตัม: RSI, Stochastic และ Williams %R
  • ตัวชี้วัดความผันผวน: Bollinger Bands และ ATR
  • การหา Divergence ระหว่างราคาและตัวชี้วัด

สำหรับการเทรดแบบ Swing Trading ในตลาด Forex นั้น Time Frame ที่พี่โบ้แนะนำจะอยู่ในช่วง H4 (4 ชั่วโมง) และ D1 (1 วัน) เพราะ Time Frame ดังกล่าวจะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของตลาดในช่วงเวลาที่ยาวขึ้นและวิเคราะห์แนวโน้มหลัก รวมถึงความผันผวนของราคาได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ทำให้ Time Frame ดังกล่าว เหมาะกับการ Swing Trading ครับ โดยแต่ละ Time Frame ก็จะมีจุดเด่นที่ต่างกัน ดังนี้

  • การใช้ Time Frame H4 จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพการเคลื่อนไหวของราคาในระยะกลางได้ชัดเจน และทำให้สามารถระบุจุดเข้า-ออกได้แม่นยำยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงจากการเจอสัญญาณหลอกที่มักพบบ่อยใน Time Frame ที่เล็กกว่า
  • การใช้ Time Frame D1 จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพรวมของแนวโน้มหลักในระยะยาวได้ชัดเจน และทำให้เทรดเดอร์เข้าใจทิศทางหลักของตลาด รวมถึงระบุแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญได้ดีมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เทรดเดอร์ยังสามารถใช้การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา (Multiple Time Frame Analysis) โดยใช้กราฟ H4 และ D1 ร่วมกัน เพื่อเสริมจุดแข็งของแต่ละกรอบเวลาเข้าด้วยกัน เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ได้สัญญาณการเทรดที่แม่นยำยิ่งขึ้น โดยอาจจะใช้ D1 เพื่อกำหนดทิศทางหลัก และใช้ H4 เพื่อหาจังหวะเข้าเทรดที่เหมาะสม เพื่อให้การเทรดเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดครับ

การวิเคราะห์แนวโน้มราคาจากเทคนิคการวิเคราะห์พื้นฐาน

พี่โบ้จะขอแทนจุดสีเขียวเป็น Swing High และจุดสีแดงเป็น Swing Low จากภาพรวมของกราฟจะเห็นได้ว่าเป็นแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน เนื่องจากเห็นทั้ง Lower High สังเกตได้จาก Swing High ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ และ Lower Low จุด Swing Low ที่ต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเช่นกัน กรณีนี้เทรดเดอร์ควรพิจารณาดำเนินการ ดังนี้

1. เน้นการเทรดตามแนวโน้ม

ในช่วงแนวโน้มขาลงที่ปรากฏชัดเจนดังภาพ เทรดเดอร์ควรหาโอกาสเปิดสถานะ Sell (Short) แทนที่จะพยายามเปิด Buy (Long) สวนแนวโน้ม

2. มองหาจุดเข้าเทรด

ควรมองหาโอกาสเข้า Sell เมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 

3. ยืนยันสัญญาณก่อนเข้าเทรด 

รอให้มีสัญญาณยืนยันว่าราคากำลังจะกลับตัวลงจากแนวต้าน เช่น รูปแบบแท่งเทียนกลับตัวขาลง (Bearish Reversal Patterns) หรือสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ที่บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในสภาวะ Overbought

ความแตกต่างของ Day Trading กับ Swing Trading

ลักษณะ

Day Trading

Swing Trading

เวลาในการถือออเดอร์

▪ ภายใน 1 วัน

▪ หลายวันหรือหลายสัปดาห์

จำนวนการเทรดต่อวัน

▪ หลายครั้งใน 1 วัน

▪ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือในช่วงเวลาที่เหมาะสม

การทำกำไร

▪ การเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น

▪ การเคลื่อนไหวของราคาตามแนวโน้มหลัก

ความเสี่ยง

▪ สูง เพราะเล่นกับการเคลื่อนไหวที่เร็วและรุนแรง

▪ สูงเช่นกัน แต่มีเวลาให้จัดการความเสี่ยง

เวลาในการติดตามกราฟ

▪ ติดตามกราฟตลอดทั้งวัน

▪ ไม่ต้องติดตามกราฟตลอดเวลา

ประเภทของการวิเคราะห์

▪ Technical Analysis

▪ Technical Analysis

▪ Fundamental Analysis

ข้อดี

▪ ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้น
▪ มีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวัน

▪ มีความยืดหยุ่นในการเทรด

▪ เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด

ข้อเสีย

▪ ต้องดูกราฟทั้งวัน อาจทำให้เกิดความเครียดสูง
▪ ความเสี่ยงสูงกว่า Swing Trading

▪ มีความเสี่ยงจากข่าวที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการถือออเดอร์ระยะยาว

เหมาะกับใคร

▪ ผู้ที่มีเวลาว่างตลอดทั้งวัน

▪ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

▪ ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเทรด

เปรียบเทียบความแตกต่างของ Day Trading กับ Swing Trading

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ

. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .

ข้อดีของ Swing Trading

  • มีโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว
  • สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในแนวโน้มหลักของตลาดได้
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเฝ้ากราฟได้ตลอดเวลาทำให้เทรดเดอร์สามารถจัดสรรเวลาการติดตามกราฟได้ด้วยตนเอง

ข้อเสียของ Swing Trading

  • อาจมีความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ข้ามวัน
  • ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในหลายด้าน นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว Swing Trader ต้องสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ได้ด้วย เพราะในบางครั้งการเคลื่อนไหวของราคาอาจได้รับผลกระทบจากข่าวหรือตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
  • ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ เนื่องจากต้องถือออเดอร์หลายวันถึงหลายสัปดาห์ ดังนั้น การเห็นผลลัพธ์ (กำไรหรือขาดทุน) จะใช้เวลานานกว่า Day Trading ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

📢 Traderbobo แนะนำ

รวม 6 กลยุทธ์การเทรดยอดนิยมในตลาด Forex กลยุทธ์การเทรดแบบไหนที่จะเหมาะกับคุณ อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความด้านล่างนี้! 🧐

จากที่กล่าวมากลยุทธ์ Swing Trading เป็นกลยุทธ์ทำกำไรระยะสั้นถึงปานกลาง โดยทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา และวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดผ่านการระบุจุด Swing High และ Swing Low ทำให้การเข้าใจโครงสร้างนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุทิศทางหลักของตลาดและวางแผนการเทรดตามแนวโน้มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี การเทรดแบบ Swing Trading ก็มีความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ต้องเผชิญแบบการเทรดรูปแบบอื่นเช่นกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญที่พี่โบ้ไม่อยากให้ทุกคนมองข้าม คือ การตั้ง Stop Loss และกำหนดอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) ให้ดี เพราะการลงทุนในตลาดที่ผันผวนตลอดเวลาก็เหมือนการเดินเรือท่ามกลางพายุคลั่ง ที่ต้องอาศัยทั้งทักษะ ประสบการณ์ และการวางแผนที่ดีครับ

*หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงบทความที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการแนะนำการลงทุนแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ละเอียดก่อนเริ่มลงทุน


อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้

พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense
Top Forex Brokers
IUX
Rated 5 out of 5
GO Markets
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5
IUX
Rated 5 out of 5
FXGT.com
Rated 3.5 out of 5
EIGHTCAP
Rated 4 out of 5
Advertisement
FBS
Rated 3 out of 5
Pepperstone
Rated 2 out of 5